ปัญหากลิ่นปาก ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

กลิ่นปากเป็นปัญหาด้านบุคลิกภาพที่ทำให้ใครหลายคนหมดความมั่นใจ ทำให้เวลาจะพูดหรือจะยิ้มทักทายก็เกิดความกังวลว่า ผู้ฟังจะได้กลิ่นปากเราไหม

เชื่อว่าใครหลายคนคงเคยพบเจอกับปัญหานี้ แต่ไม่รู้ว่าต้องแก้ไขอย่างไร อีกทั้งยังไม่รู้ว่าสาเหตุนั้นเกิดจากอะไร

ปัญหากลิ่นปาก เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เศษอาหารที่ตกค้างอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของช่องปากทำให้เกิดการเน่าเสียของเศษอาหาร ส่งผลให้เกิดกลิ่นเหม็นขึ้น

แบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุนี้จะมีอยู่ตามปกติในช่องปาก ดังนั้นในบริเวณใดที่มีเศษอาหารตกค้าง แบคทีเรียก็จะเข้าไปทำให้เกิดการบูดเน่าและเกิดกลิ่นเหม็นขึ้นได้

บริเวณที่จะพบการหมักหมมของเศษอาหารบ่อยๆ คือ ลิ้น ร่องเหงือก ใต้ขอบเหงือก ส่วนอื่นที่สามารถพบได้รองลงมาคือ บริเวณที่อุดฟัน ครอบฟันไม่พอดี การเป็นโรคปริทันต์ เหงือกอักเสบ มีฟันผุรูกว้าง

ทำให้เศษอาหารตกค้างในบริเวณดังกล่าว จึงเป็นต้นเหตุที่สำคัญทำให้เกิดกลิ่นปากได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนไข้ที่ใส่ฟันปลอมขณะนอนหลับ นอกจากนี้ปริมาณการหลั่งของน้ำลายมากไป หรือน้อยไปก็ส่งผลต่อการเกิดกลิ่นปากได้

สาเหตุของกลิ่นปากภายในช่องปาก

1. ฟันผุ

2. โรคเหงือก หรือโรคปริทันต์

3. แผลในช่องปาก

4. ฟันซ้อนเก หรือการใส่เครื่องมือจัดฟัน หากทำความสะอาดไม่ดี

5. ฟันปลอม กรณีทำความสะอาดไม่ดี

6. ไม่ได้ทำความสะอาดลิ้น

7. น้ำลายบูด เกิดจากไม่ค่อยพูด การนอนหลับตอนกลางคืน เครียด หรือดื่มน้ำน้อย

สาเหตุของกลิ่นปากภายนอกช่องปาก

1. โรคในระบบทางเดินหายใจ เช่น ไซนัสอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ โรคปอด โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และโรคกระเพาะอาหารอักเสบ เป็นต้น

2. การสูบบุหรี่

3. การกินอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม เครื่องเทศ หัวหอม เป็นต้น

วิธีการป้องกัน

1. อย่าปล่อยให้ปากแห้ง เพราะเมื่อปากแห้งความเข้มข้นของแบคทีเรียในปากจะเพิ่มมาก ทำให้เกิดกลิ่นปากได้ง่าย

2. ดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยล้างแบคทีเรียออกจากน้ำลาย

3. แปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร และอย่าลืมแปรงด้านบนของลิ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดของแบคทีเรีย

4. ใช้ไหมขัดฟันวันละ 2 ครั้ง

5. เคี้ยวหมากฝรั่งชนิดที่ไม่มีน้ำตาล

6. งดอาหารกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หอมใหญ่ พริกไทย และเนยแข็ง

7. หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก

8. กินอาหารให้ครบ 5 หมู่

9. เลิกสูบบุหรี่

10. ตรวจสุขภาพฟันอย่างสม่ำเสมอ

แนวทางการรักษา

1. ทันตแพทย์ซักประวัติ (โรคประจำตัว/การดูแลช่องปาก)

2. ตรวจโรคในช่องปาก

3. รักษาตามสาเหตุ

คลินิกครอบครัวฟันดี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

ขอขอบคุณแหล่งที่มา
https://bit.ly/3EonKs4